ผู้เขียน หัวข้อ: ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก (Burns)  (อ่าน 36 ครั้ง)

siritidaphon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 204
    • ดูรายละเอียด
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก (Burns)

บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก เป็นอุบัติเหตุที่พบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ถ้าเป็นเพียงเล็กน้อยจะมีอาการปวดแสบปวดร้อนพอทนได้ และค่อย ๆ หายไปได้เอง แต่ถ้าเป็นมาก (กินบริเวณกว้าง และแผลลึก) มักจะมีภาวะแทรกซ้อน ทำให้ทุพพลภาพหรือเสียชีวิตได้


สาเหตุ

มักเกิดจากความประมาทเลินเล่อ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ สิ่งที่ทำให้เกิดบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ที่พบได้แก่

1. ความร้อน เช่น น้ำร้อน (หม้อน้ำ กระติกน้ำ กาน้ำ ไอน้ำ) น้ำมันร้อน ๆ (ในกระทะ) ไฟ (เตาไฟ ตะเกียง บุหรี่ ประทัด พลุ) วัตถุที่ร้อน (เช่น เตารีด จานชามที่ใส่ของร้อน)

2. ไฟฟ้าช็อต ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน "ไฟฟ้าช็อต"

3. สารเคมี เช่น กรด ด่าง

4. รังสี เช่น แสงอัลตราไวโอเลต (แสงแดด) รังสีเรเดียม รังสีโคบอลต์ รังสีนิวเคลียร์ ระเบิดปรมาณู เป็นต้น


อาการ

อาการขึ้นอยู่กับขนาด ความลึก และตำแหน่งของบาดแผล

1. ขนาด หมายถึงบริเวณพื้นที่ของบาดแผล แผลขนาดใหญ่ (กินบริเวณกว้าง) จะมีอันตรายกว่าแผลขนาดเล็ก อาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ โปรตีน และเกลือแร่ ถึงกับเกิดภาวะช็อกได้ และอาจมีโอกาสติดเชื้อถึงขั้นเป็นโลหิตเป็นพิษถึงตายได้

การประเมินขนาดกว้างของบาดแผล นิยมคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ผิวหนังทั่วร่างกาย ถ้าคิดหยาบ ๆ ให้เทียบเอาว่า แผลขนาดหนึ่งฝ่ามือ (ของผู้ป่วย) เท่ากับ 1% ของผิวหนังทั่วร่างกาย เช่น ถ้าแผลมีขนาดเท่ากับ 10 ฝ่ามือ ก็คิดเป็นประมาณ 10% เป็นต้น

ทางการแพทย์ได้แบ่งเปอร์เซ็นต์ของผิวหนังตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเป็นมาตรฐานทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ (ดังภาพที่แสดง) ซึ่งสะดวกในการคิดคำนวณ

บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก

2. ความลึก ผิวหนังมีความลึก 2 ชั้น ได้แก่ ชั้นหนังกำพร้า (epidermis) และชั้นหนังเเท้ (dermis) เราแบ่งบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ออกเป็น 3 ขนาดด้วยกัน ดังนี้

(1) บาดเเผลดีกรีที่ 1 หมายถึง บาดแผลที่มีการทำลายของเซลล์หนังกำพร้าชั้นผิวนอกเท่านั้น หนังกำพร้าชั้นในยังไม่ถูกทำลาย สามารถเจริญขึ้นมาแทนที่ส่วนผิวนอกได้ จึงมีโอกาสหายได้สนิทและไม่มีแผลเป็นยกเว้นถ้ามีการติดเชื้ออักเสบ

มักเกิดจากการถูกแดดเผา (อาบเเดด) การถูกน้ำร้อน ไอน้ำเดือด หรือวัตถุที่ร้อนเพียงเฉียด ๆ และไม่นาน

ผิวหนังส่วนที่เป็นบาดแผลจะมีลักษณะแดงบวมเล็กน้อย และปวดแสบปวดร้อน ไม่มีตุ่มพอง หรือหนังหลุดลอก มีลักษณะแบบเดียวกับรอยแดดเผา ซึ่งถือเป็นบาดแผลไหม้ดีกรีที่ 1 แบบหนึ่ง

บาดเเผลดีกรีที่ 1 ไม่ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำและโปรตีน จึงไม่ต้องคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของผิวหนังที่เกิดบาดแผล มักจะหายได้เองและไม่มีอันตรายร้ายแรง

(2) บาดแผลดีกรีที่ 2 หมายถึง บาดแผลที่มีการทำลายของหนังกำพร้าตลอดทั้งชั้น (ทั้งชั้นผิวนอกและชั้นในสุด) และหนังแท้ส่วนที่อยู่ตื้น ๆ (ใต้หนังกำพร้า) แต่ยังมีเซลล์ที่สามารถเจริญทดแทนส่วนที่ตายได้ จึงหายได้เร็วและไม่เกิดเป็นแผลเป็นเช่นกัน ยกเว้นถ้ามีการติดเชื้อ

มักเกิดจากการถูกของเหลวลวก หรือถูกเปลวไฟ

บาดแผลจะมีลักษณะแดงและพุเป็นตุ่มน้ำขนาดเล็กและใหญ่ ผิวหนังอาจหลุดลอกเห็นเป็นเนื้อแดง ๆ มีน้ำเหลืองซึม มีอาการเจ็บปวด อาจทำให้สูญเสียน้ำ โปรตีน และเกลือแร่ และติดเชื้อได้ง่าย

(3) บาดแผลดีกรีที่ 3 หมายถึง บาดแผลที่มีการทำลายของหนังกำพร้าและหนังแท้ทั้งหมด รวมทั้งต่อมเหงื่อ ขุมขนเเละเซลล์ประสาท ผู้ป่วยมักไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดที่บาดเเผล ผิวหนังทั้งชั้นจะหลุดลอกเห็นเป็นเนื้อแดง ๆ หรือแดงสลับขาว หรือเป็นเนื้อที่ไหม้เกรียม

มักเกิดจากไฟไหม้หรือถูกของร้อนนาน ๆ หรือไฟฟ้าช็อต

ถือเป็นบาดแผลที่ร้ายแรง อาจเกิดภาวะขาดน้ำหรือติดเชื้อรุนแรงได้ แผลมักจะหายยากและเป็นแผลเป็น

ในการเกิดบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกแต่ละครั้ง อาจมีบาดแผลที่มีความลึกขนาดต่าง ๆ กันในคนเดียวกันได้ และบางครั้งในระยะแรกอาจแยกบาดแผลดีกรีที่ 2 เเละ 3 ออกจากกันไม่ชัดก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ชนิดนี้ล้วนถือเป็นบาดแผลที่มีอันตรายรุนแรง และควรคิดเปอร์เซ็นต์ของผิวหนังที่เกิดบาดแผล

3. ตำแหน่ง บาดแผลบนใบหน้า อาจทำให้เป็นแผลเป็นและเสียโฉมได้มาก ถ้าถูกบริเวณตา อาจทำให้ตาบอดได้ แผลที่มือและตามข้อพับต่าง ๆ อาจทำให้ข้อนิ้วมือและข้อต่าง ๆ มีแผลเป็นดึงรั้ง ทำให้เหยียดออกไม่ได้

ถ้าสูดควันไฟเข้าไปในปอดระหว่างเกิดเหตุ อาจทำให้เยื่อบุของทางเดินหายใจเกิดการอักเสบ กลายเป็นหลอดลมอักเสบและปอดอักเสบ อาจรุนแรงจนหายใจไม่ได้ ถึงตายได้

บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
 
ภาวะแทรกซ้อน

อาจมีภาวะขาดน้ำหรือการติดเชื้อรุนแรงถึงขั้นอันตรายได้ นอกจากนี้อาจมีแผลเป็นขนาดใหญ่หรือแผลเป็นดึงรั้ง ทำให้แขนขาเหยียดออกไม่ได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าเป็นเพียงบาดแผลดีกรีที่ 1

ให้ล้างแผลด้วยน้ำเกลือ ซับให้แห้ง แล้วทาด้วยครีมสเตียรอยด์ หรือเจลว่านหางจระเข้ขององค์การเภสัชกรรมบาง ๆ หรือทาด้วยปิโตรเลียมเจลลี่หรือน้ำมันมะกอก และให้ยาแก้ปวดถ้ารู้สึกปวด

2. ถ้าเป็นบาดแผลดีกรีที่ 2 หรือ 3

(1) แพทย์อาจรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาลโดยเร็ว ในกรณีต่อไปนี้

    บาดแผลดีกรีที่ 3 มีขนาดมากกว่า 2 ฝ่ามือ (2%)
    บาดแผลดีกรีที่ 2 มีขนาดมากกว่า 10 ฝ่ามือ (10%) ในเด็ก หรือ 15 ฝ่ามือ (15%) ในผู้ใหญ่
    บาดแผลที่ตา หู ใบหน้า มือ เท้า อวัยวะสืบพันธุ์ ตามข้อพับต่าง ๆ
    บาดแผลในทารก เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ
    สูดควันไฟเข้าไประหว่างเกิดเหตุ
    มีภาวะช็อก

(2) ถ้าไม่มีอาการดังกล่าวในข้อ (1) อาจให้การรักษาโดย

    ชะล้างแผลด้วยน้ำกับสบู่
    ถ้ามีตุ่มพองเล็ก ๆ เพียง 2-3 ตุ่ม เกิดที่ฝ่ามือ ไม่ควรใช้เข็มเจาะ ให้ทาด้วยยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีน หรือทิงเจอร์ใส่แผลสด (merthiolate) แล้วปิดด้วยผ้าก๊อซ ตุ่มจะค่อย ๆ แห้งและหลุดล่อนไปเองใน 3-7 วัน
    ถ้ามีตุ่มพองที่แขนขา หลังมือ หลังเท้า หลังจากทำความสะอาดด้วยน้ำกับสบู่แล้ว ให้ใช้มีดหรือกรรไกรที่ทำให้ปราศจากเชื้อ (เช่น แช่ในแอลกอฮอล์แล้ว) เจาะเป็นรู แล้วใช้ผ้าก๊อซที่ปราศจากเชื้อกดซับน้ำเหลืองให้แห้ง ใช้โพวิโดนไอโอดีนหรือทิงเจอร์ใส่แผลสดทา แล้วพันด้วยผ้ายืดให้ผิวที่พองกดแนบสนิท ภายใน 2-3 วัน หนังที่พองจะหลุดล่อน
    ถ้ามีตุ่มพองเป็นบริเวณกว้าง ให้ใช้กรรไกรที่ทำให้ปราศจากเชื้อขริบเอาหนังที่พองออก แล้วล้างด้วยน้ำเกลือ ซับให้แห้ง แล้วทาด้วยครีมซัลฟาไมลอน (Sulfamylon) ขี้ผึ้งแบกตาซิน (Bactacin) น้ำยาโพวิโดนไอโอดีน ครีมซิลเวอร์ซัลฟาไดอาซีน (silver sulfadiazine) หรือพ่นด้วยสเปย์พรีเดกซ์ (Predex spray)

ถ้าเป็นบริเวณแขนหรือขา ให้ใช้ผ้าพัน

ถ้าเป็นที่หน้าหรือลำตัว ให้เปิดแผลไว้ ควรล้างแผลและใส่ยาวันละ 1-2 ครั้ง เมื่อดีขึ้นค่อยทำห่างขึ้น

    ให้พาราเซตามอลบรรเทาปวด ฉีดยาป้องกันบาดทะยัก และให้ยาปฏิชีวนะในกรณีที่บาดแผลติดเชื้อ
    ถ้าบาดแผลลึก อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนัง (skin graft)

การดูแลตนเอง

เมื่อเกิดบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ควรทำการปฐมพยาบาล และรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยเร็ว


การปฐมพยาบาล

เมื่อเกิดบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ควรทำการปฐมพยาบาล ดังนี้

1. สำหรับบาดแผลเล็กน้อย หมายถึง บาดแผลที่มีลักษณะเป็นรอยแดงคล้ายถูกแดดเผา มีอาการปวดแสบปวดร้อน และอาจมีอาการบวมเล็กน้อย (บาดแผลดีกรีที่ 1) หรือเป็นตุ่มพอง (บาดแผลดีกรีที่ 2) ขนาดเล็กน้อยและมีเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 8 เซนติเมตร

    รีบใช้น้ำเย็น หรือน้ำก๊อก ประคบบริเวณที่มีบาดแผล เพื่อลดอาการปวดแสบปวดร้อน และป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อถูกทำลายมากขึ้น

อาจใช้วิธีเปิดน้ำก๊อกให้ไหลชะรอยแผลอย่างต่อเนื่อง หรือแช่ในน้ำเย็น หรือใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเย็น หรือใช้ถุงพลาสติกใส่น้ำเย็นวางตรงบริเวณที่มีบาดแผล อย่างน้อย 20 นาที หรือจนกว่าอาการปวดแสบปวดร้อนทุเลาลง

    ถ้าเป็นรอยแดง ปวดแสบปวดร้อน หลังซับให้แห้งแล้วใช้วุ้นจากใบหางจระเข้ (เช่น เจลว่านหางจระเข้) หรือวาสลีนทาวันละ 2-3 ครั้ง (ควรทาเบา ๆ ระวังอย่าลูบหรือถูแรง ๆ อาจกระทบต่อผิวหนังที่บาดเจ็บอยู่ได้) ปิดแผลด้วยพลาสเตอร์ปิดแผล หรือผ้าก๊อซที่สะอาด
    ถ้าเป็นตุ่มพอง ไม่ควรเจาะออก ควรปล่อยให้แห้งและหลุดล่อนไปเอง (ถ้าตุ่มแตกเองให้ทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือล้างแผลหรือน้ำสะอาด) หลังซับให้แห้งปิดแผลด้วยพลาสเตอร์ปิดแผลหรือผ้าก๊อซที่สะอาด แต่อย่าให้แน่นมาก
    ถอดเครื่องประดับ (เช่น แหวน กำไล) ออกจากปลายแขนหรือขาที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวก หากปล่อยไว้จนมีอาการบวมแล้วจะถอดได้ยาก หรือทำให้เกิดอันตรายได้
    ถ้าปวดแผล กินพาราเซตามอล*

ควรไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

1. มีอาการปวดมาก หรือกินยาแก้ปวดไม่บรรเทา
2. รอยแดงมีขนาดกว้างมาก หรือเป็นที่บริเวณใบหน้า หู ตา หรือตามข้อพับต่างๆ หรือพบในทารกหรือผู้สูงอายุ
3. ตุ่มพองมีขนาดใหญ่ หรือกินบริเวณกว้าง (มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 8 เซนติเมตร) หรือเกิดขึ้นที่บริเวณหู ตา ใบหน้า มือ เท้า ขาหนีบ ตามข้อพับต่าง ๆ อวัยวะเพศ หรือก้น
4. บาดแผลไม่หายใน 1 สัปดาห์ หรือตุ่มพองมีการอักเสบหรือเป็นหนอง
5. มีความวิตกว่าบาดแผลมีความรุนแรงเกินกว่าจะดูแลรักษาด้วยตนเอง

2. สำหรับบาดแผลที่รุนแรง หมายถึง บาดแผลลึก ผิวหนังทั้งชั้นหลุดลอกเห็นเป็นเนื้อแดง ๆ หรือแดงสลับขาว หรือเป็นเนื้อที่ไหม้เกรียม (บาดแผลดีกรีที่ 3) หรือเป็นตุ่มพอง (บาดแผลดีกรีที่ 2) ซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 8 เซนติเมตร หรือ มีตุ่มพองเกิดขึ้นที่บริเวณหู ตา ใบหน้า มือ เท้า ขาหนีบ ตามข้อพับต่าง ๆ อวัยวะเพศ หรือก้น ควรรีบไปโรงพยาบาล

ควรให้การปฐมพยาบาลก่อนไปโรงพยาบาล ดังนี้

    เปลื้องเสื้อผ้าออกจากบริเวณที่ถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก หรือตัดออกเป็นชิ้น ๆ แต่ถ้าเสื้อผ้าติดกับบาดแผลแน่นก็ไม่ต้องดึงออก เพราะจะเจ็บมาก ควรใช้ผ้าสะอาดคลุม
    ให้ยกส่วนที่มีบาดแผลไว้ให้สูงกว่าระดับหัวใจ
    ถอดเครื่องประดับ (เช่นแหวน กำไล) ออกจากปลายแขนหรือขาที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวก หากปล่อยไว้จนมีอาการบวมแล้วจะถอดได้ยาก หรือทำให้เกิดอันตรายได้
    ถ้าผู้ป่วยกระหายน้ำ หรือใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมงในการเดินทางไปถึงสถานพยาบาล ควรให้ผู้ป่วยดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ หรืออาจให้กินน้ำส้มคั้นใส่เกลือก็ได้ ควรให้ดื่มครั้งละ 1/4-1/2 แก้ว ทุก ๆ 15 นาที
    ควรใช้ผ้าสะอาดบาง ๆ คลุมร่างกายของผู้ป่วย และให้ผู้ป่วยนอนยกเท้าสูงเล็กน้อย
    ถ้าปวด ให้กินพาราเซตามอล*
    ถ้ามีภาวะช็อก (หน้าซีด เหงื่ออก ตัวเย็น หน้ามืด จะเป็นลม) ให้ทำการปฐมพยาบาล โดยให้ผู้ป่วยนอนราบศีรษะต่ำ หาอะไรมารองที่ใต้เท้า หรือยกเท้าให้สูงกว่าระดับหัวใจ ใช้ผ้าหนา ๆ หรือผ้าห่มคลุมหรือห่อตัวให้อบอุ่น รีบนำส่งโรงพยาบาล หรือติดต่อรถพยาบาลมารับ

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยาจากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ


การป้องกัน

ควรหาทางป้องกันบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกโดย

    อย่าให้เด็กเล็กเล่นในห้องครัว
    อย่าวางกาน้ำร้อน หม้อน้ำแกง กระติกน้ำร้อน ตะเกียง ไม้ขีดหรือวัตถุอื่น ๆ ที่มีความร้อนไว้ใกล้มือเด็ก
    อย่าวางบุหรี่ ตะเกียง ใกล้ผ้าห่ม มุ้ง หรือสิ่งที่อาจติดไฟได้ง่าย


ข้อแนะนำ

1. การปฐมพยาบาลบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกที่แนะนำในปัจจุบันคือ รีบใช้น้ำเย็นประคบทันทีหลังเกิดเหตุ อย่าใช้ยาสีฟัน น้ำปลา หรือยาหม่องทา

2. บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกที่เกิดในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ถึงแม้จะมีขนาดไม่กว้างมาก แต่ก็อาจมีอันตรายมากกว่าที่พบในคนหนุ่มสาว ดังนั้นจึงควรแนะนำไปรักษาที่โรงพยาบาลทุกราย

3. บาดแผลที่ข้อพับ อาจทำให้เกิดแผลเป็นดึงรั้งข้อต่อให้คดงอ (เหยียดไม่ได้) สามารถป้องกันได้โดยใช้เฝือกดามข้อในบริเวณนั้นตั้งแต่แรก

4. ภาวะแทรกซ้อนของโรคนี้ ในระยะ 2-3 วันแรก คือ ภาวะขาดน้ำและช็อก ถ้ามีบาดแผลกว้าง แพทย์จะให้สารน้ำ ได้แก่ ริงเกอร์เเล็กเทต (Ringer’s lactate) น้ำเกลือและพลาสมา

ส่วนการติดเชื้ออาจเกิดขึ้นหลังจากมีบาดแผล 2-3 วันไปแล้ว (หรือหลัง 1 สัปดาห์) ถ้าบาดแผลมีขนาดกว้างก็มีโอกาสติดเชื้อรุนแรง

โดยทั่วไปถือว่าบาดแผลดีกรีที่ 2 ที่มีขนาดมากกว่า 30% และบาดเเผลดีกรีที่ 3 ที่มีขนาดมากกว่า 10% ถือเป็นบาดแผลรุนแรง รักษายากและมักจะมีอัตราตายสูง

5. ผู้ที่มีบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ควรกินอาหารโปรตีน (เช่น เนื้อ นม ไข่ ถั่วต่าง ๆ) ให้มาก ๆ เพราะร่างกายมีการสูญเสียโปรตีนออกไปทางบาดแผล

หลังบาดแผลหายใหม่ ๆ ควรระวังอย่าให้รอยแผลเป็นโดนแสงแดด ถ้าจำเป็นต้องออกกลางแดด ควรใส่เสื้อผ้าที่ปกคลุมรอยแผล หรือทายากันแดด จนกว่าผิวหนังจะฟื้นจนเป็นปกติดี

6. ถ้ามีบาดแผลถูกกรดหรือด่าง ควรให้การปฐมพยาบาล โดยรีบชะล้างแผลด้วยน้ำก๊อก นานอย่างน้อย 5 นาที แล้วส่งโรงพยาบาล แพทย์อาจให้การรักษาแบบเดียวกับบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก