สินค้าโรงงานทั่วไทย โพสฟรี สินค้าราคาถูก ลงประกาศฟรี
		หมวดหมู่ทั่วไป => โปรโมทสินค้า โปรโมทสินค้าฟรี ซื้อ ขาย เช่า บริการ => ข้อความที่เริ่มโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 16 กรกฎาคม  2025, 00:11:25 น.
		
			
			- 
				Doctor At Home: โรคบิด (Dysentery) (https://doctorathome.com/)
 
 โรคบิด (Dysentery) เป็นภาวะที่มีการอักเสบของลำไส้ใหญ่ ทำให้มีอาการ ถ่ายอุจจาระเหลวร่วมกับมีมูกหรือเลือดปน และมักจะมีอาการปวดเบ่ง (ปวดอยากถ่ายแต่ถ่ายไม่ออก หรือถ่ายออกน้อย) ร่วมด้วย โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร โดยมีสาเหตุหลักๆ สองชนิดคือ:
 
 โรคบิดชิเกลลา (Bacillary Dysentery
 หรือ Shigellosis):
 
 สาเหตุ: เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในกลุ่ม Shigella ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของโรคบิด
 
 การแพร่เชื้อ: มักแพร่กระจายโดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ หรือจากมือที่ไม่สะอาดหลังจากสัมผัสสิ่งปนเปื้อนเชื้อ
 
 อาการ: เริ่มต้นด้วยไข้สูง ปวดท้องบิดเกร็ง ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ จากนั้นจะถ่ายเป็นมูกปนเลือดบ่อยครั้ง อาจมีอาการปวดศีรษะ อาเจียน และอ่อนเพลียร่วมด้วย
 
 ความรุนแรง: อาการอาจรุนแรงในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ หากไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้
 
 โรคบิดอะมีบา (Amebic Dysentery หรือ Amebiasis):
 
 สาเหตุ: เกิดจากการติดเชื้อพยาธิอะมีบาชนิด Entamoeba histolytica
 
 การแพร่เชื้อ: คล้ายกับบิดชิเกลลา คือผ่านการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนซีสต์ของอะมีบา
 
 อาการ: มักจะมีอาการค่อยเป็นค่อยไป ไม่รุนแรงเท่าบิดชิเกลลาในช่วงแรก อาจมีอาการปวดท้อง ท้องอืด ถ่ายเป็นมูก (ไม่ค่อยมีเลือดปนชัดเจนเท่าบิดชิเกลลา) และอาจมีไข้ต่ำๆ อาการอาจเป็นๆ หายๆ ได้
 
 ความรุนแรง: หากไม่รักษา อะมีบาอาจเข้าสู่กระแสเลือดและไปทำลายอวัยวะอื่นๆ ได้ เช่น ตับ (ทำให้เกิดฝีในตับ), ปอด หรือสมอง ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย
 
 อาการทั่วไปของโรคบิด:
 
 ถ่ายเหลวบ่อยครั้ง: อุจจาระเหลว หรือเป็นน้ำ
 
 มีมูกหรือเลือดปนในอุจจาระ: นี่คืออาการสำคัญที่บ่งชี้ว่าเป็นโรคบิด
 
 ปวดท้องรุนแรง: มักปวดบิดเกร็งบริเวณหน้าท้อง หรือท้องน้อย
 
 ปวดเบ่ง: มีอาการปวดอยากถ่ายอุจจาระอยู่ตลอดเวลา แม้จะถ่ายไปแล้ว หรือถ่ายออกน้อยมาก
 
 ไข้: อาจมีไข้สูง (โดยเฉพาะบิดชิเกลลา) หรือไข้ต่ำๆ
 
 คลื่นไส้ อาเจียน: พบได้ในบางราย
 
 อ่อนเพลีย: เกิดจากการเสียน้ำและเกลือแร่
 
 การวินิจฉัยและการรักษา:
 
 การวินิจฉัย: แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและประวัติการเดินทางหรือการสัมผัสโรค อาจมีการตรวจอุจจาระเพื่อหาเชื้อแบคทีเรียหรืออะมีบา
 
 การรักษา:
 
 ทดแทนน้ำและเกลือแร่: สิ่งสำคัญที่สุดคือการป้องกันภาวะขาดน้ำ โดยการดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS) หรือจิบน้ำสะอาดบ่อยๆ
 
 ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics): สำหรับโรคบิดชิเกลลา แพทย์จะพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม
 
 ยาฆ่าอะมีบา (Amebicides): สำหรับโรคบิดอะมีบา แพทย์จะให้ยาฆ่าเชื้ออะมีบาโดยเฉพาะ
 
 ยาบรรเทาอาการ: เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ปวดท้อง แต่ควรหลีกเลี่ยงยาหยุดถ่ายเอง เพราะอาจทำให้เชื้อค้างอยู่ในลำไส้นานขึ้น
 
 การพักผ่อน: พักผ่อนให้เพียงพอ
 
 การป้องกันโรคบิด:
 
 ล้างมือให้สะอาด: โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ และหลังจากสัมผัสสัตว์
 
 ดื่มน้ำสะอาด: ควรดื่มน้ำต้มสุก หรือน้ำบรรจุขวดที่ได้มาตรฐาน
 
 รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ: หลีกเลี่ยงอาหารที่เก็บไว้นาน หรืออาหารที่ไม่สะอาด
 
 สุขอนามัยของห้องน้ำ: รักษาความสะอาดของห้องน้ำ และระบบกำจัดสิ่งปฏิกูล
 
 ระมัดระวังเมื่อเดินทาง: โดยเฉพาะในพื้นที่ที่สุขอนามัยยังไม่ดี
 
 หากมีอาการท้องเสียรุนแรง มีมูกหรือเลือดปนในอุจจาระ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องทันทีครับ